ประกัน EV ต่างจากรถน้ำมันอย่างไร? 3 จุดต่างที่เจ้าของรถไฟฟ้าต้องรู้ก่อนทำประกัน

ประกัน EV ต่างจากรถน้ำมันอย่างไร? 3 จุดต่างที่เจ้าของรถไฟฟ้าต้องรู้ก่อนทำประกัน
ประกัน EV ต่างจากรถน้ำมันอย่างไร? 3 จุดต่างที่เจ้าของรถไฟฟ้าต้องรู้ก่อนทำประกัน

⚡ บทนำ: ยุค EV มาถึงแล้ว… แล้วประกันภัยล่ะ พร้อมแค่ไหน?

กระแสรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังมาแรงแซงโค้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความประหยัดพลังงาน ดีไซน์ทันสมัย หรือสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ทำให้หลายคนตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถ EV กันมากขึ้น แต่ในขณะที่คุณกำลังเหยียบคันเร่งเข้าสู่โลกของรถไฟฟ้า คุณเคยสงสัยไหมว่า “ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า” แตกต่างจาก “ประกันรถน้ำมัน” ที่คุณคุ้นเคยอย่างไรบ้าง?

ความจริงแล้ว ประกันภัยสำหรับรถ EV นั้นมีความซับซ้อนและมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เจ้าของรถไฟฟ้าทุกคนควรรู้ก่อนตัดสินใจทำประกัน เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและเหมาะสมที่สุด บทความนี้จาก Khumphai.com จะคลายข้อสงสัยให้คุณค่ะ


1. ราคา “แบตเตอรี่” คือชิ้นส่วนสำคัญที่มีผลต่อทุนประกันและค่าซ่อม

หัวใจและส่วนประกอบที่มีราคาสูงที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้าคือ “แบตเตอรี่” ซึ่งมีราคาตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดของแบตเตอรี่ นี่คือสิ่งที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเบี้ยประกันและวงเงินคุ้มครอง:

  • ทุนประกันที่สูงขึ้น: เนื่องจากแบตเตอรี่มีราคาสูง ทำให้รถ EV มีมูลค่าสูงกว่ารถน้ำมันในสเปกที่ใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ทุนประกันของรถ EV มักจะสูงกว่า
  • ค่าเบี้ยประกันที่แพงกว่า: เมื่อทุนประกันสูงขึ้น เบี้ยประกันภัยก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย
  • ความซับซ้อนในการเคลมและซ่อม: หากแบตเตอรี่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ การประเมินความเสียหาย การซ่อม หรือการเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นมีความซับซ้อนและใช้เทคนิคเฉพาะทาง ซึ่งอาจต้องส่งซ่อมกับศูนย์หรืออู่ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น และมีค่าใช้จ่ายสูง
  • ระยะเวลาการซ่อม: ด้วยความซับซ้อนและข้อจำกัดของอะไหล่ การซ่อมแบตเตอรี่หรือระบบส่งกำลังของ EV อาจใช้เวลานานกว่ารถน้ำมัน

💡 สิ่งที่ควรรู้: บางบริษัทประกันอาจมีเงื่อนไขพิเศษสำหรับแบตเตอรี่ EV เช่น การคุ้มครองแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพจากการใช้งานปกติ (ซึ่งโดยทั่วไปประกันรถยนต์ไม่คุ้มครอง) หรือการรับประกันแบตเตอรี่จากการผลิต ซึ่งเจ้าของรถควรอ่านกรมธรรม์ให้ละเอียด


2. “ความเสี่ยงการเคลม” ที่แตกต่าง: ระบบไฟฟ้าและสถานีชาร์จ

รถ EV มีระบบการทำงานที่แตกต่างจากรถน้ำมัน ทำให้เกิดความเสี่ยงบางประเภทที่ไม่พบในรถสันดาปภายใน:

  • ความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าแรงดันสูง: หากเกิดอุบัติเหตุหรือน้ำท่วม ระบบไฟฟ้าแรงดันสูงของ EV อาจได้รับความเสียหาย ซึ่งการซ่อมแซมต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญและความระมัดระวังเป็นพิเศษ
  • ไฟไหม้แบตเตอรี่: แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่หากเกิดไฟไหม้แบตเตอรี่ EV การดับเพลิงมีความซับซ้อนกว่าและอาจสร้างความเสียหายรุนแรง
  • ความเสียหายจากสถานีชาร์จ/สายชาร์จ: หากเกิดความเสียหายขณะชาร์จรถ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือสถานีชาร์จสาธารณะ เช่น ไฟกระชาก สายชาร์จเสียหาย หรือรถถูกชนขณะกำลังชาร์จ (บางกรมธรรม์อาจเพิ่มความคุ้มครองพิเศษสำหรับอุปกรณ์ชาร์จและระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง)

⭐ เจ้าของ EV ควรรู้: ควรตรวจสอบว่ากรมธรรม์ของคุณคุ้มครองอุปกรณ์ชาร์จ (Wall Charger) ที่ติดตั้งที่บ้านด้วยหรือไม่ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่มีมูลค่าและอาจได้รับความเสียหายได้


3. “บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน” ที่ต้องระวังเป็นพิเศษสำหรับการยกรถ/ลากจูง

เมื่อรถ EV เกิดเหตุขัดข้องหรือเสียกลางทาง การช่วยเหลือฉุกเฉินโดยเฉพาะการยกรถหรือลากจูง มีข้อกำหนดและวิธีการที่แตกต่างจากรถน้ำมันเพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบ EV:

  • ต้องใช้รถยกแบบ “ยกทั้งคัน”: รถ EV ส่วนใหญ่ไม่สามารถลากจูงแบบล้อลากพื้นได้ เพราะอาจทำให้ระบบมอเตอร์เสียหายได้ (เนื่องจากมีการสร้างกระแสไฟฟ้ากลับไปที่แบตเตอรี่) จึงจำเป็นต้องใช้รถยกแบบยกรถขึ้นไปทั้งคันเท่านั้น
  • การจัดการแบตเตอรี่หลังอุบัติเหตุ: หากรถ EV เกิดอุบัติเหตุรุนแรง อาจต้องมีการจัดการกับแบตเตอรี่อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการลัดวงจรหรือไฟไหม้
  • ความเชี่ยวชาญของทีมช่วยเหลือ: ทีมช่วยเหลือฉุกเฉินที่มาให้บริการรถ EV ควรมีความรู้และประสบการณ์เฉพาะทางเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างปลอดภัยและถูกวิธี

✅ คำแนะนำ: ตรวจสอบกับบริษัทประกันภัยของคุณว่า บริการช่วยเหลือฉุกเฉินที่ให้มานั้น ครอบคลุมการยกรถ EV แบบยกทั้งคันหรือไม่ และทีมงานมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าดีพอหรือเปล่า


สรุป: ทำประกัน EV ต้องดูให้ละเอียดกว่าเดิม

แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่การทำประกันภัยสำหรับ EV นั้นมีความท้าทายและมีรายละเอียดที่เจ้าของรถต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อให้เบี้ยประกันที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าและครอบคลุมความเสี่ยงเฉพาะตัวของรถไฟฟ้าอย่างแท้จริง

ก่อนตัดสินใจซื้อประกัน EV อย่าลืม เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายบริษัท, อ่านเงื่อนไขกรมธรรม์ให้ละเอียด โดยเฉพาะในส่วนของแบตเตอรี่ ระบบไฟฟ้า และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน เพื่อให้คุณขับขี่รถไฟฟ้าได้อย่างสบายใจไร้กังวลค่ะ

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*