คู่มือการเคลมประกันรถยนต์หลังเกิดเหตุฉุกเฉิน (ฉบับต้องรอด)

คู่มือการเคลมประกันรถยนต์หลังเกิดเหตุฉุกเฉิน
คู่มือการเคลมประกันรถยนต์หลังเกิดเหตุฉุกเฉิน

🚨 บทนำ: สติเท่านั้น ที่จะทำให้คุณไม่เสียเปรียบ!

เหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่าง “อุบัติเหตุรถยนต์” สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้คุณจะเป็นนักขับที่ระมัดระวังแค่ไหนก็ตาม เมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้น หลายคนมักจะตกใจ ตื่นตระหนก และทำอะไรไม่ถูก ซึ่งความสับสนนี่แหละที่อาจทำให้คุณพลาดขั้นตอนสำคัญ และนำไปสู่ความยุ่งยากในการเคลมประกัน หรือแย่กว่านั้นคือ “เสียเปรียบ” โดยไม่รู้ตัว

บทความนี้จาก Khumphai.com คือ “คู่มือฉบับต้องรอด” ที่จะแนะนำคุณตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่แรกเจอเหตุการณ์ การตั้งสติ ไปจนถึงขั้นตอนการถ่ายรูป การแจ้งเหตุ การรอพนักงานเคลม และเอกสารที่จำเป็น เพื่อให้คุณรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างถูกต้อง มั่นใจ และไม่เสียสิทธิ์ใดๆ ค่ะ

1. ตั้งสติให้มั่น! สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุคือ “สติ” ค่ะ หายใจเข้าลึกๆ และทำตามขั้นตอนพื้นฐานเหล่านี้:

  • ปลอดภัยไว้ก่อน: หากรถยังขับเคลื่อนได้ ให้นำรถเข้าจอดข้างทางในจุดที่ปลอดภัย เปิดไฟฉุกเฉิน และนำป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงไปวางห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50-100 เมตร เพื่อเตือนรถคันอื่น
  • สำรวจผู้บาดเจ็บ: ตรวจสอบว่ามีผู้บาดเจ็บในรถของคุณหรือคู่กรณีหรือไม่ หากมี ให้รีบโทรแจ้ง สายด่วน 1669 ทันที เพื่อขอรถพยาบาล
  • ประเมินสถานการณ์เบื้องต้น: ดูว่าความเสียหายรุนแรงแค่ไหน มีคู่กรณีหรือไม่ หรือเป็นอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณี

2. ขั้นตอนสำคัญ: การถ่ายรูป & รวบรวมหลักฐาน (ห้ามพลาดเด็ดขาด!)

ยุคนี้กล้องในโทรศัพท์มือถือคือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการรวบรวมหลักฐาน ยิ่งมีรูปมากเท่าไหร่ยิ่งดี โดยเน้นถ่ายตามจุดต่อไปนี้:

  • ภาพมุมกว้าง (Overview): ถ่ายให้เห็นสภาพถนน จุดเกิดเหตุ ยานพาหนะที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในเฟรมเดียวกัน ให้เห็นตำแหน่งการชนและทิศทางของรถ
  • ภาพระยะกลาง (Mid-range): ถ่ายให้เห็นความเสียหายของรถแต่ละคันอย่างชัดเจน และสภาพโดยรอบ
  • ภาพระยะใกล้ (Close-up): เน้นถ่ายความเสียหายเฉพาะจุด รอยบุบ รอยขูดขีด ชิ้นส่วนที่แตกหัก รวมถึงป้ายทะเบียนรถคู่กรณี และรายละเอียดของคู่กรณี (ถ้ามี)
  • ถ่ายป้ายทะเบียนคู่กรณี: ให้เห็นชัดเจนทุกมุม
  • ถ่ายใบขับขี่/บัตรประชาชนคู่กรณี: (หากคู่กรณียินยอม)
  • ถ่ายสภาพแวดล้อม: ร่องรอยการชนบนถนน, สภาพการจราจร, กล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง (ถ้ามี)
  • หากมีพยาน: ขอเบอร์ติดต่อหรือถ่ายรูปพยานไว้

💡 เคล็ดลับ: อย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายรถหากไม่ใช่เหตุการณ์เล็กน้อยที่สามารถตกลงกันได้ (เช่น เฉี่ยวชนเล็กน้อย) และให้ถ่ายรูปไว้ให้ครบถ้วนก่อน


3. การแจ้งเหตุประกันภัย: รีบแจ้ง อย่ารอช้า!

เมื่อรวบรวมหลักฐานเบื้องต้นแล้ว ให้รีบโทรแจ้งบริษัทประกันภัยของคุณทันทีที่เบอร์ฮอตไลน์ (ควรบันทึกเบอร์ไว้ในโทรศัพท์อยู่เสมอ) หรือ สามารถค้นหาได้ที่นี้ เบอร์โทรแจ้งเครมบริษัทประกัน คลิก!!!

  • ให้ข้อมูลอย่างละเอียด:
    • ชื่อผู้ขับขี่/ผู้แจ้ง และ เลขที่กรมธรรม์
    • วัน/เวลา/สถานที่เกิดเหตุ (ระบุพิกัดให้ชัดเจน)
    • ลักษณะการเกิดเหตุ โดยย่อ
    • ลักษณะความเสียหายของรถคุณ และ คู่กรณี (ถ้ามี)
    • มีผู้บาดเจ็บหรือไม่
    • ทำตามคำแนะนำ: เจ้าหน้าที่จะแนะนำขั้นตอนต่อไป เช่น การรอพนักงานสำรวจภัย (พนักงานเคลม)
    • สำหรับอุบัติเหตุ “ไม่มีคู่กรณี”: แจ้งบริษัทประกันทันทีที่พบรอยความเสียหาย แม้จะไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรืออย่างไรก็ตาม เพื่อประโยชน์ในการเคลม (ดูรายละเอียดจากบทความ “ชนแล้วหนี/ไม่มีคู่กรณี” เพิ่มเติม)

    5. เอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการเคลมประกัน (เมื่อนำรถเข้าซ่อม)

    เมื่อคุณได้รับใบเคลมจากพนักงานสำรวจภัยแล้ว และต้องการนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมในเครือของบริษัทประกันภัย คุณจะต้องเตรียมเอกสารพื้นฐานดังนี้:

    1. ใบเคลมประกันภัย ที่ได้รับจากพนักงานสำรวจภัย
    2. สำเนากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
    3. สำเนาทะเบียนรถ
    4. สำเนาใบขับขี่ ของผู้ขับขี่ขณะเกิดเหตุ
    5. สำเนาบัตรประชาชน ของผู้ขับขี่/เจ้าของรถ

    ⭐ เคล็ดลับ: หากเป็นอุบัติเหตุที่ซับซ้อน มีการบาดเจ็บรุนแรง หรือมีข้อพิพาท ควรขอ สำเนาบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ ประกอบการยื่นเคลมด้วย


    สรุป: เตรียมพร้อมเสมอ เพื่อสิทธิ์ที่คุณพึงได้

    การเตรียมตัวให้พร้อมและรู้ขั้นตอนที่ถูกต้องในการเคลมประกัน จะช่วยให้คุณประหยัดเวลา ลดความเครียด และที่สำคัญที่สุดคือ รักษาสิทธิ์ ในความคุ้มครองที่คุณได้จ่ายไปแล้ว การมีสติ ถ่ายรูปให้ครบถ้วน และแจ้งบริษัทประกันให้เร็วที่สุด คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้การเคลมประกันของคุณราบรื่นและไม่เสียเปรียบค่ะ

    Be the first to comment

    Leave a Reply

    Your email address will not be published.


    *